RSS

About

กระบี่ นิรนาม unknowrapier@gmail.com

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา

      วันนี้ กระบี่ นิรนาม จะพาท่านผู้อ่านไปเที่ยวที่ "อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา" เกาะลันตานั้นตั้งอยู่ที่ จังหวัดกระบี่ การเดินทางก็ขับรถไปเลยครับจากภูเก็ตประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า ข้อดีของที่นี่คือสามารถนำรถขึ้นไปบนเกาะได้โดยการลงแพขนานยนต์ไปครับ

     เกาะลันตาเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดกระบี่ อำเภอเกาะลันตาประกอบด้วย เกาะลันตาใหญ่และเกาะลันตาน้อย ขั้นแรกเราต้องลงแพขนานยนต์จากท่าเรือหัวหินไปยังเกาะลันตาใหญ่ บนเกาะลันตาใหญ่เป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอ ยังคงสภาพความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้อีกทั้งบนเกาะยังคงมีชาวเลอาศัยอยู่ ซึ่งยังคงดำรงไว้ซึ้งประเพณีลอยเรือเพื่อสะเดาะเคราะห์และความเป็นสิริมงคล จากเกาะลันตาใหญ่เราก็ต้องลงแพขนานยนต์ต่อไปยังเกาะลันตาน้อยซึ่งเป็นสถานที่ที่ผมจะพาท่านผู้อ่านไปเที่ยวกันครับ
     เกาะลันตาน้อยมีความเจริญมากกว่าเกาะลันตาใหญ่ มีปั้มน้ำมัน, โรงแรม, โรงพยาบาล และมีความเป็นเมืองมากกว่า เมื่อมาถึงเกาะลันตาน้อยเราก็ขับรถเวียนหาที่พักบนเกาะราคาต่ำสุดก็ 800 บาท (หายากมาก) ส่วนใหญ่ก็จะราคา 1,000 ขึ้นไประหว่างหาที่พักเราก็ได้แวะกินอาหารเที่ยง ร้านอาหารที่นี่ก็หาได้ง่ายและมีเยอะมาก เรียงรายอยู่สองข้างทางมีให้เลือกกินได้อย่างเต็มที่ เรียกว่าไม่ต้องกลัวอดตาย 
     เมื่อมาถึงที่นี่จะสังเกตุเห็นแมงกระพรุนที่ทำมาจากฝาชีสีสันสวยงามดูแปลกตา ผมเดาว่าน่าจะเป็นสัญลักษณ์ของที่แห่งนี้ ร้านอาหารทุกร้านก็จะมีพื้นที่หน้าร้านที่เป็นชายหาดทอดยาวต่อกันไปกับร้านอาหารอื่น
แมงกระพรุนฝาชี
     หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จก็ได้ที่พักราคา 800 บาท (เหลือห้องสุดท้าย) มีแอร์ด้วยครับถือว่าโชคดี ถึงที่พักก็จัดแจงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ซึ่งอยู่บริเวณทิศใต้ของเกาะ 
     บริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตาเป็นแหล่งธรรมชาติที่สมบูรณ์มาก มีลักษณ์เป็นป่าผสมกับทะเลที่สวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถมาเดินป่าชมธรรมชาติ ซึ่งทางอุทยานก็ได้จัดเส้นทางเดินป่าเพื่อศึกษาธรรมชาติเอาไว้ให้ หรือจะลงเล่นน้ำทะเลก็ได้ในสถานที่เดี่ยวกัน และตรงนี้จะมีประภาคารซึ่งอยู่บนเนินเขาสูงเป็นสัญลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้ ซึ่งเรียกว่าถ้าใครมาเกาะลันตาแล้วไม่มาที่นี่แปลว่ายังมาไม่ถึง
     หาดบนเกาะลันตามีอยู่จำนวน 16-17 แห่งซึ่งเยอะมาก แต่ละหาดก็มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป และทุกหาดเราสามารถดูพระอาทิตย์ตกได้ แต่ถ้าจะให้สวยงามและขึ้นชื่อที่สุดก็คงต้องไปดูที่บริเวณประภาคารอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา พระอาทิตย์ที่นี่จะตกช้าที่สุดครับเพราะตัวเกาะอยู่เยื้องออกไปทางทิศตะวันตกมากว่า "แหลมพรหมเทพ" ที่จังหวัดภูเก็ตเสียอีก

หาดที่อุทยาน
     หลังจากชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติที่อุทยานเสร็จแล้วเราก็ขับรถย้อนกลับขึ้นมาทางด้านทิศเหนือเพื่อเที่ยวชมชายหาดขาว เม็ดทรายละเอียดมากอย่างกับเกลือผงอย่างไงอย่างนั้น สีของน้ำทะเลก็สวยเป็นสีครามสะท้อนกับแสงจากดวงอาทิตย์ ตัดกับสีขาวสะท้อนแสงของชายหาด ผมบอกได้คำเดียวว่าสุดยอดครับพี่น้อง บริเวณชายหาดก็มีเก้าอี้ชายหาดให้บริการนักท่องเที่ยวแบบไม่คิดราคากันอีกด้วย ซึ่งใครเดินจนเหนื่อยจะแวะนั่งพัก, ถ่ายรูป ก็ไม่มีใครว่าอะไร
เก้าอี้ชายหาดสำหรับบริการนักท่องเที่ยว


     หลังจากเดินเล่นบนชายหาดที่แสนจะเนียนนุ่มและอุ่น เราก็เดินทางไปดูพระอาทิตย์ตกดินกันที่เหนือสุดของเกาะที่หาด " คอกวาง" ที่หาดคอกวางแห่งนี้แม้จะไม่ใช่จุดที่ดีที่สุดสำหรับการชมพระอาทิตย์ตก แต่ก็ใกล้กับตลาดนัดซึ่งเป็นเหตุผลที่ผมมาที่นี่เพื่อจะได้หาอะไรกินได้ง่ายๆ หลังการชมพระอาทิตย์ตกเราก็เดินเที่ยวตลาดนัด ซึ่งตลาดนัดที่นี่ก็เหมือนกับตลาดนัดทั่วไปนั่นแหละครับ แต่สิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นก็คืออาหารชนิดหนึ่งซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากโซนอเมริกาใต้ ก็คือ "กะบับ" หลายคนอาจเคยรู้จัก แต่สำหรับผมมันคือของแปลกที่ไม่เคยเห็น "กะบับ" เป็นแป้งแผ่นบางๆนำมาย่างไฟพอสุก ด้านในก็จะมีเนื้อสัตว์ (หมู ไก่ แกะ) แล้วแต่ผู้ผลิต มีผักกาดหอม, หอมหัวใหญ่ซอย, มะเขือเทศหั่นแว่น, แตงกว่าหั่นแว่น ราดด้วยซอสก็แล้วแต่คนกินจะเลือกมีทั้ง ซอสมะเขือเทศ, ซอสพริก, มัสตาร์ด, มายองเนส ชิ้นหนึ่งมีขนาดใหญ่มากกินไปแค่ 1 ชิ้นอิ่มเลย ในตลาดก็จะมีร้านอาหารซีฟู๊ด สด สด ให้เลือกมากมายมีคุณภาพทั้งนั้น หรือจะเป็นอาหารฝรั่งแบบ International ก็มีให้เลือก 
     หลังจากท้องอิ่มสิ่งสุดท้ายที่ดูเหมือนจะขาดไม่ได้หลังจากมื้ออาหารก็คือ แอลกอฮอล์และเสียงเพลง เรากลับมายังที่พักซึ่งมีบาร์เล็กๆให้บริการ ผมก็จัดสูตรเดิมคือเผาหัวด้วย B-52 Cocktail ตามด้วยเบียร์เย็นๆ ที่นี่บาร์ทุกร้านจะมีเบาะนุ่มๆวางเรียงรายหน้าหาดบริการนักท่องเที่ยว ให้ได้จิบเบียร์นอนดูดาวฟังเสียงคลื่น คลอด้วยเสียงเพลงสไตล์แร็กเก้ ช่างมีความสุขจริงๆ
     พอเช้าเราก็เดินทางกลับภูเก็ตด้วยความชุ่มฉ่ำหัวใจกับความสวยงามของธรรมชาติ และบรรยากาศที่ไม่มีที่ไหนเหมือน โดยหวังเอาไว้ว่าจะต้องกลับมาอีกอย่างแน่นอน เพราะเสี้ยวหนึ่งของหัวใจได้ถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่แล้ว >>>>> ตอนต่อไปผมจะพาเพื่อนไปเที่ยวไหนนั้น ต้องรอติดตามนะครับ

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS