RSS

About

กระบี่ นิรนาม unknowrapier@gmail.com

"ไร่เลย์" มนต์สวรรค์แห่ง อันดามัน

     ครั้งหนึ่งผมเคยได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ "ไร่เลย์" จังหวัด กระบี่ ไร่เลย์เป็นเกาะขนาดเล็กอยู่ในทะเลอันดามัน การเดินทางก็ต้องไปให้ถึงจังหวัดกระบี่ ผมออกเดินทางตอน 9 โมงเช้า ขับรถจากจังหวัดภูเก็ตประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ไปตามเส้นทางสู่จังหวัดกระบี่ เพื่อไปขึ้นเรือที่ อ่าวน้ำเมา จริงๆแล้วเราสามารถขึ้นเรือได้ 2 ที่ คือ อ่าวพระนาง กับ อ่าวน้ำเมา เราถึงอ่าวน้ำเมากันตอนเที่ยงนิดๆ ที่นั่นมีบริการรับฝากรถยนต์ด้วย หลังจากนั้นก็ซื้อตั๋วเรือนั่งรอสักพักจนผู้โดยสารครบก็เริ่มออกเดินทาง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็จะถึงไร่เลย์

เรือที่ท่าเรืออ่าวน้ำเมา
ถ้าหากเราขึ้นเรือที่อ่าวน้ำเมาเรือจะส่งเราขึ้นที่ฝั่งไร่เลย์ตะวันออก ซึ่งมีสภาพเป็นป่าชายเลน แต่หากเราขึ้นเรือที่อ่าวพระนาง เรือจะส่งเราขึ้นฝั่งที่ไร่เลย์ตะวันตก ซึ่งมีสภาพเป็นชาดหาดสีขาวสวยน่าเล่นเป็นอย่างมาก หลังจากขึ้นฝั่งเราก็ต้อง Walk-in หาที่พักเพราะไม่ได้จองไว้ก่อน จากข้อมูลแหล่งที่พักฝั่งไร่เลย์ตะวันตกจะมีราคาแพงกว่า เพราะมีหาดสวยที่สามารถเล่นน้ำได้ มีกิจกรรมทางน้ำให้เลือกทำมากมาย มีร้านค้า ฝับบาร์แนวแร็กเก้ อยู่มากมาย และจากไร่เลย์ตะวันตก เราสามารถเดินทางไปชมทะเลแหวก ถ้ำพระนาง และจังหวัดกระบี่ได้อีกด้วย

ขณะเดินเรือก็จะเห็นความสวยงามของธรรมชาติ
ส่วนฝั่งไร่เลย์ตะวันออกถึงแม้จะมีสภาพเป็นป่าชายเลนแต่ก็มีห้องพักราคาถูกตั้งแต่ 800 บาทขึ้นไปให้บริการ 
     หลังจากที่เราขึ้นฝั่งผมก็เดินเท้ามายังฝั่งไร่เลย์ตะวันตกเพื่อรอน้ำลงเวลา 5 โมงเย็น เพื่อที่จะเดินทางต่อไปยังอ่าวต้นไทร อ่าวต้นไทรจะอยู่เยื้องขึ้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ การเดินทางมี 3 วิธี คือรอน้ำลง, นั่งเรือจากไร่เลย์ตะวันตกระยะทาง 100 เมตร และสุดท้ายคือปืนผาไป ความสูงของผาก็ประมาณตึก 3 ชั้นเห็นจะได้ (คะเนด้วยสายตา) ผมเลือกวิธีรอน้ำลงเพราะตอนแรกเราไม่รู้ว่ามันสามารถปีนผาข้ามไปได้ อีกอย่างคือค่าเรือแพง
บรรยากาศหาดไร่เลย์ตะวันตก
เมื่อน้ำลงเราก็ทราบถึงจำนวนผู้ร่วมทางในการเดินลุยน้ำครั้งนี้ว่ามีเยอะจริงๆ เลยทำให้รู้สึกสบายใจว่าเราไม่ได้เดินอยู่เดียวดาย 
     อ่าวต้นไทร มีสภาพเป็นชายหาดที่ไม่สามารถเล่นน้ำได้ เพราะมีหินโสโครกและปะการังเต็มไปหมด ระหว่างที่ผมเดินลุยน้ำมานั้นก็เห็นฝรั่งคนหนึ่งกำลังปีนผาเพื่อกลับไปยังฝั่งไร่เลย์ตะวันตก ซึ่งผมก็เลยคิดไว้ในใจว่าขากลับจะลองปีนดูสักครั้ง
     อ่าวต้นไทรไม่ต่างอะไรกับหมู่บ้านชาวประมง บนหาดมีโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร บาร์แร็กเก้ และกิจกรรมทางน้ำอย่างเรือแคนนู อ่าวต้นไทรเงียบสงบมาก เหมือนผืนแผ่นดินที่ปลีกตัวออก                                                                                          จากความวุ่นวาย และโลกภายนอก แฝงตัวอยู่
อีกมุมหนึ่งของหาดไร่เลย์ตะวันตก
ท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์ รายล้อมด้วยภูผาสูงชันทั้งใหญ่น้อยแนะนำสำหรับคนที่ชอบธรรมชาติ
     เราได้ที่พักแห่งหนึ่งบนอ่าวต้นไทรราคาคืนละ 1,000 บาท รวมอาหารเช้าแบบ American Breakfast หลังจากเก็บของเข้าที่พัก อาบน้ำแต่งตัวก็มาหาอะไรกิน ร้านอาหารบนอ่าวต้นไทรมีอยู่ไม่มากบริเวณหน้าหาด แต่ก็มีร้านค้า ร้านอินเตอร์เน็ตบริการ มินิมาร์เล็กๆขายเสื้อผ้าเครื่องใช้ และที่เป็นสีสันของอ่าวต้นไทรก็คือบาร์แร็กเก้ ซึ่งบาร์แร็กเก้ที่นี่มีโชว์การควงเชือกไฟ, เดินบนเชือกเส้นเดียว และดนตรีสด บางร้านตกแต่งคล้ายๆกับเรือโจรสลัด
ด้านหลังของผาสูงนี้คืออ่าวต้นไทร

มีของเก่าของสะสมที่หาดูได้ยากมากมาย และยังเป็นต้นกำเนิดการควงเชือกไฟที่แพร่ไปทั้งเกาะไร่เลย์อีกด้วย
     การควงเชือกไฟนั้นผู้ควงก็จะเดินไปบนเชือกแบบกว้างขนาด 2 นิ้ว เพียงเส้นเดียว บอกได้คำเดียวว่า Amazing จริงๆ ตัวผมเองลองขึ้นไปเดินเฉยๆแค่ทรงตัวยังทำไม่ได้เลย นี่ต้องควงไฟไปด้วย ต้องใช้เวลาในการฝึกฝน และความพยายามอย่างมาก
     หลังจากที่กินอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งเล่นที่บาร์แร็กเก้ เผาหัวด้วย B-52 Cocktail ตามด้วยเบียร์เย็นๆ ฟังเพลงแร็กเก้แล้วก็ขยับย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะ ผู้คนที่นี่ก็ล้วนเป็นกันเองสนุกสนาน ซึ่งผมซื้อเบียร์ไป 3 ครั้งราคาไม่เท่ากันสักครั้งตอนนี้ก็ยังงงอยู่ว่าขวดละกี่บาท บาร์ที่นี่ไม่มีเวลาปิดครับ เปิดจนกว่านักท่องเที่ยวจะกลับ ถ้าเช้าแล้วยังมีคนอยู่ก็เปิดไปเรื่อยๆ จนเจ้าของร้านหลับนักท่องเที่ยวไปปลุกเพื่อซื้อเบียร์ก็มี นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็หลับอยู่กับยุงที่ร้านนั่นแหละ ตื่นเมื่อไหร่ก็ค่อยกลับที่พัก อยู่ที่นี่ต้องรีบอาบน้ำเพราะหลัง 10 โมงเช้าจะไม่มีไฟฟ้าใช้ทั้งเกาะครับ เนื่องจากเกาะต้องปั่นไฟใช้เอง และไฟฟ้าจะมาอีกครั้งตอนประมาณ 4 หรือ 5 โมง อย่างที่บอกครับว่าธรรมชาติที่นี่สมบูรณ์มากช่วงเช้าๆจะมีเสียงนกร้อง มีลิงมีค่างห้อยโหนกระโจนไปมาบนต้นไม้อยู่เหนือหัวเรานี่เองครับ
     วันที่สองผมเช่าเรือแคนนูไปพายเล่น ซึ่งที่ที่จะไม่ไปไม่ได้ก็คือ ถ้ำพระนาง สาเหตุที่ต้องพายแคนนูมาก็เพราะว่าไม่สามารถเดินเท้าได้ ต้องนั่งเรือไปเท่านั้น ที่ถ้ำพระนางนี้หากใครเคยดูโฆษณากาแฟยี่ห้อหนึ่งก็จะจำได้ว่าสวยงามมากเพียงใด(วันนี้พายเรือมาเลยไม่ได้เอากล้องมาด้วย) มีเรื่องราวเกี่ยวกับถ้ำพระนางเล่าเป็นเรื่องเล่า ซึ่งผมจะขอสงวนไว้ให้ผู้อ่านได้ไปอ่านเอาเองที่สถานที่จริง ซึ่งในถ้ำพระนางนี้ก็จะมีปลัดขิกซึ่งชาวเลที่กำลังจะออกไปหาปลาได้นำมาถวาย โดยมีความเชื่อกันว่าจะได้มีชีวิตรอดปลอดภัยกลับมา และได้ปลามากๆ ใกล้ๆกันก็จะเป็นแท่งหินที่มีขนาดสูงมากอยู่ในทะเล ลักษณะเป็นถ้ำเป็นรอยเว้าแหว่งให้ได้พายเรือไปเทียบเคียง สวมชูชีพ แว่นตาดำน้ำ แล้วกระโจนตัวลงไปได้เลย ระดับความลึกก็แค่เท้าหยั่งไม่ถึง เพื่อให้เพื่อนๆได้ดำดูปลาสวยงามน้อยใหญ่ที่จะเข้ามาแหวกว่ายอยู่รอบๆตัว เป็นประสบการณ์ที่แสนมีความสุขจริงๆ หลังจากพายเรือท่องเที่ยวไปในทะเลอยู่ 4 ชั่วโมง ก็เจอกับคลื่นลมแรง แหงนมองบนท้องฟ้ามีเมฆดำปกคลุม หลังจากที่นำเรือขึ้นฝั่งได้ พายุฝนก็กระหน่ำทันที โชคดีที่กลับเข้าฝั่งก่อน มื้อเย็นของวันนี้ก็เลยต้องกินข้าวที่โรงแรมเนื่องจากพายุฝนทำให้ออกไปไหนไม่ได้
     เช้าของวันที่ 3 ก็ Check Out ออกจากโรงแรม เช้านี้น้ำขึ้นสูงมากหนทางกลับเลยจะลองปีนผา ทีแรกก็ไม่กล้าเนื่องจากเรายังไม่รู้เส้นทาง แต่แล้วก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาตินำเราไป 3-4 คน เลยตัดสินใจปีนตามไป เส้นทางข้างบนนั้นก็ไม่ได้ยากลำบากเท่าไร มีแต่ช่วงขึ้นและลงเท่านั้นที่มีความสูงชัน เมื่อปีนข้ามมาถึงก็จะเป็นอ่าวไร่เลย์ตะวันตก เราต้องเดินเท้าต่อไปถึงอ่าวไร่เลย์ตะวันออก เพื่อลงเรือข้ามกลับไปยังอ่าวน้ำเมาเพื่อเดินทางกลับ
     ตลอดทางที่ขับรถกลับภูเก็ตในหัวใจของผมชุ่มฉ่ำไปด้วยความสุขที่ได้มาเที่ยวที่นี่ และยังได้ประสบการณ์ที่แสนจะประทับใจ เต็มไปด้วยความสุขตลอดการเดินทางชวนให้อยากออกทริปต่อไป >>>>> ทริปต่อไปจะเป็นอะไร จะสวยงามแค่ไหน อยากให้ท่านผู้อ่านรอติดตามกับ "เกาะลันตา" ทริปหน้าห้ามพลาด

ท่าเรืออ่าวน้ำเมา


ออกจากท่าเรือ อ่าวน้ำเมา
ผู้แบ่งปันประสบการณ์

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS