RSS

About

กระบี่ นิรนาม unknowrapier@gmail.com

"ศิลปะแห่งสีดำ" ถวัลย์ ดัชนี

     ก่อนจากกันในโพสต์ที่แล้ว ผมได้ทิ้งท้ายไว้ว่าจะพาท่านผู้อ่านไปเที่ยวชมงานศิลปะ โพสต์นี้ผมมาทำตามคำสัญญา ผมจะพาท่านผู้อ่านไปชมสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่สร้างงานศิลปะของศิลปินแห่งชาติ ปี 2544 สาขาจิตรกรรม ผมคิดว่าท่านผู้อ่านต้องรู้จัก อาจารย์ ถวัลย์ ดัชนี

     จะขออนุญาติกล่าวถึงประวัติอาจารย์ ถวัลย์ ดัชนี สักพอสังเขบ สำหรับคนที่ไม่รู้จักท่าน
     ถวัลย์ ดัชนี จิตรกร ช่างเขียนรูป แห่งดอยสูงเชียงราย ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) เมื่อพ.ศ. 2544 เกิดที่อำเภอเมืองจังหวัดเชียงราย ศึกษาชั้นมูลและระดับประถมที่โรงเรียนเชียงรายวิทยาคม ต่อมาบิดาย้ายมาปฏิบัติงานสรรพสามิตที่อำเภอเมืองพะเยา จึงเรียนต่อชั้นประถมที่โรงเรียนบุญนิธิซึ่งตั้งอยู่ริมชายกว๊านพะเยา และชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนพะเยาพิทยาคม เมื่อบิดาย้ายกลับเชียงรายจึงเข้าเรียนจนจบชั้นชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนสามัคคีวิทยาคมจนจบชั้นมัธยมปีที่ 6 ของสมัยนั้น
ถวัลย์มีแววด้านการวาดรูปมาตั้งแต่ชั้นมูลและชั้นประถม สามารถวาดตัวละครรามเกียรติ์ได้เกือบทุกตัว นอกจากจะมีความจำเป็นเลิศสามารถจำชื่อเพื่อนร่วมชั้นได้ทุกชั้นปีทั้งที่เชียงรายและพะเยาแล้ว เมื่อถวัลย์มีอายุ 8-9 ขวบก็มีความคิดแผลงๆ จำเรื่องนายมั่นนายคงจากละครวิทยุปลุกใจยุคปลายและหลังสงคราม เที่ยวชักชวนเพื่อนกรีดเลือดสาบานไปอยู่ดงพญาเย็นด้วยกันเมื่อโตขึ้นเป็นต้น
เมื่อจบชั้นมัธยม 6 ที่เชียงราย ถวัลย์ก็ได้รับทุนมาเรียนต่อที่ โรงเรียนเพาะช่าง และได้เป็นนักเรียนดีเด่น ด้วยฝีมือการวาดรูปที่แม่นยำ เฉียบคม ฉับไว จึงเป็นหนึ่งในนักเรียนเพาะช่างดีเด่นด้านจิตรกรรม ที่ผลงานได้รับการคัดเลือกไปแสดงในหอศิลป์แห่งชาติ นครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้น ถวัลย์ ดัชนี จึงเข้าศึกษาต่อที่คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และได้เป็น "ศิษย์รุ่นท้ายๆ ของ ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี (อ้างอิงจาก : http://th.wikipedia.org/wiki/ถวัลย์_ดัชนี)
ศิลปะ คือ ความสวยงามในมุมมองของคนแต่ละคน ดังนั้นผมจึงไม่สามารถให้คำบรรยายใดๆได้ ผมขอใช้รูปภาพเป็นสื่อแทนคำอธิบายของผมแทนนะครับ












  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

เที่ยวสมุย 3 วัน 2 คืน Part 2

     เริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่สดใสด้วยบรรยากาศยามเช้า วันนี้แผนการเดินทางท่องเที่ยวภายในเกาะสมุยก็ถูกกางออกครับ แต่ก่อนเดินทางจะขอพาท่านผู้อ่านไปกินอาหารเช้าที่ห้องอาหารกันเสียก่อน เราไม่ใช้บริการรถกอล์ฟครับวันนี้ จะลองเดินเพื่อเก็บบรรยากาศความสวยงามของรีสอร์ท เราก็ไปเจอกับบริการ Sweet Spot คือซุ้มบริการเครื่องดื่ม Soft Drink กับ Ice Cream ซึ่งใช้ Ice Cream ของ แบรนด์ Haagen-Dazs เลยที่เดียว และที่สำคัญมันฟรีครับ กินได้จุใจไม่อั้น (ถ้าไม่อาย)
     แล้วเราก็มาถึงห้องอาหารเช้า ในส่วนของห้องอาหารเช้าที่นี่เราสามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างชัดเจนครับ เรียกว่าอิ่มท้อง และอิ่มตากันเลย

บริการอาหารเช้าที่นี่ก็เป็นแบบ Buffet มีอาหารให้เลือกกินมากมายหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นแบบไทยหรือแบบยุโรป เลยจัดไปชุดใหญๆ
     หลังจากเติมพลังกันเรียบร้อยเราก็ออกเดินทางกันเลยครับ สถานที่แรกก็แวะจุดชมวิวกันสักหน่อย ซึ่งจุดนี้เราจะเห็นท้องฟ้าสีฟ้าใส ตัดกับสีครามของน้ำทะเล สวยงามมาก หลังจากนั้นก็ไปกันต่อที่วัดปลายแหลม ซึ่งวันนี้อากาศดีมาก ท้องฟ้าก็เป็นใจให้เราได้เที่ยวเพื่อเก็บรูปสวยๆมาฝากท่านผู้อ่าน ออกจากวัดปลายแหลมเราก็ไปต่อด้วยน้ำตกหินลาด มาที่นี่ได้เที่ยวทั้งทะเลและน้ำตกเลย แต่น่าเสียดายที่น้ำแล้ง น้ำตกเลยไม่ค่อยสวยเท่าไร หลังจากนั้นเราก็จบด้วยวัดพระใหญ่ ซึ่งเป็นวัดที่ทุกคนควรมจะมาสักการะถ้าได้มีโอกาสมาเที่ยวเกาะสมุยนะครับ
    แค่เพียง 3-4 ที่ก็หมดวันไปอีกหนึ่งวันแล้ว พรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางกลับกันแล้ว ผมรู้สึกว่าเวลาแห่งความสนุกและความสุขเดินไปอย่างรวดเร็วจริงๆเลย แต่สำหรับโพสต์นี้ผมจะพิเศษให้ท่านผู้อ่านอีกนิดด้วยภาพความสวยงามของเขื่อนรัชประภา และวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพังงาครับ
     ส่วนทริปหน้าเหมาะสำหรับใครที่ชื่นชอบงานศิลปะห้ามพลาดเด็ดขาด จะเป็นอะไร ที่ไหนนั้นต้องติดตามกันครับ >>>>> ขอฝากกลอนเป็นกำลังใจให้กับท่านผู้อ่าน (ลอกเค้ามาอีกที)
"ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเขา จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร ขอบินไปให้ถึงฝัน...เท่านั้นพอ"







เขื่อนรัชประภา หรืออีกชื่อว่า เขื่อยเชี่ยวหลาน

อีกรูปสำหรับเขื่อน

บรรยากาศในถ้ำ ซึ่งมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

เที่ยวสมุย 3 วัน 2 คืน Part 1

   หนาวนี้ท่านผู้อ่านท่านใดมีแผนจะเดินทางไปท่องเที่ยวทะเลและยังหาสถานที่ไม่ได้ ผมขอแนะนำเกาะสมุย ทุกท่านอาจจะรู้จักเกาะสมุยกันดีครับ  เกาะสมุยเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่ในทะเลอ่าวไทย ซึ่งมีความสวยงามไม่แพ้กันกับทะเลฝั่งอันดามัน ตามผมมากันเลยครับ
     ผมขับรถจากภูเก็ตใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงกว่า ไปถึงอำเภอดอนสัก เพื่อลงเรือเฟอร์รี่ใช้เวลาประมาณ 45 นาที เพื่อเดินทางไปถึงอำเภอเกาะสมุยซึ่งท่านผู้อ่านสามารถนำรถยนต์ลงเรือไปด้วยได้ ท่าเรือพาณิชย์ที่ให้บริการก็มีอยู่ 2 บริษัท คือ ราชาเฟอร์รี่ กับ ซีทรานเฟอร์รี่

แต่หากท่านผู้อ่านที่พอมีกะตังค์หน่อยก็สามารถนั่งเครื่องบินมาได้ครับ เพราะที่สมุยมีท่าอากาศยานนานาชาติให้บริการครับ เกาะสมุยมีขนาดเล็กใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์รอบเกาะประมาณ 1 ชั่วโมง
     เมื่อเรือเทียบถึงเกาะสมุยประตูสู่โลกใบใหม่ก็ถูกเปิดออก ผมขับรถมุ่งหน้าไปโรงแรมที่พักในทันที ซึ่งครั้งนี้ผมจองไว้ครับเป็นโรงแรม 5 ดาวแสนหรู (ได้บัตรกำนัลห้องพักพร้อมอาหารเช้า อิอิ) โรงแรม W Retreat
>>>คลิกไปจองโรงแรม<<<

มาถึงโรงแรมพร้อมกับความเหนื่อยล้า แต่ทันใดที่ได้เห็นแค่ทิวทัศน์บริเวณ Lobby หายเหนื่อยเลยครับ มันคุ้มค่ากับการเดินทางจริงๆ บริเวณ Lobby ออกแบบได้สวยงามและลงตัวมากครับ ใช้เวลาในการ Check-in ประมาณ 15-20 นาที ก็มีรถกอล์ฟขับมารับเราเพื่อเดินทางไปยังห้องพักที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบ ผมได้ห้องพักหมายเลข 241 ห้องพักที่นี่ออกแบบลักษณะเป็น Pool Villa คือมีสระว่ายน้ำอยู่ในตัว ก้าวเข้ามาในห้องก็ต้องตะลึงกับความสวยงามอีกครั้ง

เหมือนบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่งเลยครับ ก้าวเข้ามาด้านซ้ายเป็นห้องน้ำกว้างมาก มี Bath Tub,Shower Room แถมด้วย Outdoor-Shower ในส่วนของ Outdoor-Shower ตกแต่งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
ด้านซ้ายก็จะเป็นห้องนอนตกแต่งด้วยสีแดงตัดกับพื้นห้องสีเนื้อไม้ เมื่อบวกกับแสงไฟสีแดงทำให้ห้องดูโดดเด่น เมื่อเปิดประตูบานเลื่อนออกไปที่ระเบียงด้านนอก ก็พบกับเบาะอาบแดดซึ่งวางอยู่ตรงกันข้ามกับสระน้ำส่วนตัวที่มีความลึก 1.20 เมตร ตรงนี้เมื่อมองออกไปจะเห็นวิวทะเล เราสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้จากทางด้านนั้นด้วย

หลังจากชื่นชมกับความสวยงามของห้องพัก ก็ถึงเวลาที่จะต้องพักผ่อนเสียที วันนี้เราเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางมาตลอดทั้งวันแล้ว
     เมื่อขึ้นบนที่นอนเราก็ต้องประทับใจอีกครั้งเพราะเตียงนอนออกแบบมาแบบพิเศษนุ่มมากครับบอกตรงๆว่าเหมือนกับร่างกายเราจมหายลงไปในเตียงนอนเลย มันทำให้เรารู้สึกเหมือนเราได้ยกความเหน็ดเหนื่อยทั้งหมดออกไปจากร่างกาย หายไปหมดสิ้น เป็นคืนที่ผมนอนหลับสนิทตลอดทั้งคืนเป็นครั้งแรกในชีวิต
     เช้าวันพรุ่งนี้ผมจะพาท่านผู้อ่านท่องเที่ยวไปกับผม เราจะไปดูกันว่า "เกาะสมุย" มันมีอะไร ? ที่ทำให้คุณนั้นต้องอยากไป ... >>>>> โปรดติดตามตอนต่อไป








  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

"ดอยช้างมูบ" กำแพงธรรมชาติ

     พูดถึง "ดอยช้างมูบ" หลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อ แต่สถานที่แห่งนี้มีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติอย่างมากครับ เพราะเป็นที่ตั้งของ "ฐานปฏิบัติการ กองร้อยทหารม้าที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารม้าที่ 3 " มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 1,485 เมตร

 เป็นกำแพงธรรมชาติที่กั้นระหว่างประเทศพม่าและจังหวัดเชียงราย ความสูงขนาดนี้อากาศหนาวเย็นมากครับตอนกลางวันก็ 10-12 องศา ส่วนกลางคืนพี่ทหารเขาบอกว่า 2-3 องศามีความสวยงามของทัศนียภาพ ท้องฟ้าถึงแม้จะมีหมอกบ้างก็ยังสดใส มองออกไปเป็นพื้นที่ป่าที่สมบูรณ์เขียวขจี อากาศบริสุทธิ์มาก สามารถสูดลมหายใจได้เต็มปอด ตรงจุดนี้เราสามารถมองเห็นภูมิทัศน์ของประเทศพม่าได้อย่างชัดเจน ประเทศพม่ามีความอุดมสมบูรณ์ทางด้านป่าไม้มากครับถ้ามองจากจุดนี้  ใกล้ๆกันก็จะมีค่ายทหาร ผมเดาว่าน่าจะเป็นฐานปฏิบัติการของทางฝั่งพม่ามีสภาพโทรมมากครับ
     การเดินทางมาที่นี่ก็ขับรถมาทางเส้นแม่สายครับ แล้วแยกซ้ายไปทางดอยตุง เส้นทางมีความชัน และคดเคี้ยวมาก ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง ขับมาเรื่อยๆก็จะถึง "ดอยตุง" ก่อนครับ แวะเท่ยวชมความสวยงามของดอยตุงก่อน เสร็จแล้วขับผ่านดอยตุงตรงขึ้นมาเรื่อยๆก็จะถึง "ดอยช้างมูบ"  แนะนำให้ท่านผู้อ่านที่จะมาให้พกบัตรประจำตัวไว้ให้พร้อมนะครับ เนื่องจากเป็นเขตแดนจึงมีการตรวจที่เข้มงวด มีด่านทหารหลายด่าน
     หลังจากเที่ยวชมเสร็จเส้นทางกลับ เราก็จะผ่านหมู่บ้านชาวเขาเผ่าต่างๆ สุดเส้นทางเราก็จะไปโผล่ออกตรงตลาด แม่สาย - ท่าขี้เหล็ก ท่านผู้อ่านสามารถช็อปปิ้งต่อได้เลย เรียกว่ามาทริปเดียวได้ถึง 3 ครับ จบทริปดอยช้างมูบแล้วผมจะพาท่านผู้อ่านไปเที่ยวเกาะสมุยกันบ้าง จะเป็นที่ไหนบ้างนั้นขออุบไว้ก่อน แต่รับรองว่าสวยงามไม่แพ้กันครับ >>>>> ภาพสวยๆจากดอยช้างมูบ












  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ชนเผ่า "คนไท" ในแผ่นดินไทย

     วันนี้ผมจะพาท่านผู้อ่านขึ้นเหนือไปที่จังหวัดเชียงราย จะพาไปรู้จักชมชุมชนแห่งหนึ่งซึ่งเป็นชุมชนเล็กๆที่น่าสนใจ ชุมชนที่ว่านั้นก็คือชุมชน"ชาวเผ่า"ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศไทย และมีอยู่หลายเชื้อชาติเผ่าพันธุ์
     สถานที่ที่ผมจะพาไปนั้นเป็นชุมชนที่มีชาวเผ่าอาศัยอยู่รวมกันทั้งหมด 5 เผ่าด้วยกัน ประกอบไปด้วย อ่าขา, มูเซอ, ปะหล่อง, เย้า และ กระเหรี่ยง

ภาพจาก www.cbtthaidatabase.org/page/showpage.aspx?idindex=2
อ่าขา เดิมเป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีน และได้อพยบเข้ามาในประเทศไทยเมื่อ ประมาณ 110 ปี ที่แล้ว
มูเซอ สืบเชื้อสายมาจากพวกโลโล ที่อาศัยอยู่ทางแถบที่ราบสูงทิเบต ซึ่งเป็นชนเผ่าที่มีประวัติอันยาวนานมาก และได้อพยบเข้ามาในประเทศไทยประมาณปี 2527-2528
ปะหลอง หรือว้า เป็นชนเผ่าที่อพยบมาจากประเทศพม่าบริเวณรัฐฉาน ได้เข้ามาในประเทศไทยเมื่อปี 2527
เย้า เดิมอาศัยอยู่ตามภูเขาจากมณฑลยูนาน ในประเทศจีน ภาษาของเย้าจึงคล้ายกับภาษาจีน และบางคนก็สามารถพูดภาษาจีนกลางได้ ไม่ปรากฎหลักฐานแนาชัดว่าเย้าอพยบเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พบหลักฐานอารยธรรมทางการเกษตรตั้งแต่ปี 2493
กระเหรี่ยง เป็นชนเผ่าที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศไทย มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน และอพยบมาจากประเทศพม่า เมืองกะยิ่น
(ข้อมูลจาก www.openbase.in.th/categories/1/5/7352)
    หลายคนคงอยากรู้ว่าห่วงที่สวมบริเวณคอของกระเหรี่ยงนั้นมีน้ำหนักเท่าไหร่ ผมอยากจะบอกว่ามันหนักมาครับ หนักถึง 4 กิโลกรัม
หนัก 4 กิโลครับ
     หากท่านผู้อ่านท่านใดสนใจที่จะเที่ยวชมบรรยากาศแบบชนเผ่า เพื่อการศึกษาหรือเปิดประสบการณ์ใหม่ๆที่ไม่เคยเห็น สถานที่แห่งนี้ท่านจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบชาวเขา เห็นสภาพความเป็นอยู่ วิถีชีวิต วัฒนธรรมความเชื่อ ได้สัมผัสชาวเขาตัวเป็นๆ
     ท่านผู้อ่านท่านใดที่สนใจสามารถมาเที่ยวชมได้ที่     ๕ ชนเผ่ากระเหรี่ยงคอยาว ตำบลนางแล จังหวัดเชียงราย หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปดูในเว็ปไซด์ของที่นี่ได้ www.longneckkaren.com
     เอาละครับสำหรับวันนี้ก็คงต้องจบไว้เพียงแค่นี้ ทริปหน้าผมจะพาท่านผู้อ่านไปท่องเที่ยวที่ "ดอยช้างมูบ" ครับ จะอยู่ที่ไหน เป็นอย่างไรต้องรอติดตามอ่านครับ >>>>> กระบี่ นิรนาม










  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา

      วันนี้ กระบี่ นิรนาม จะพาท่านผู้อ่านไปเที่ยวที่ "อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา" เกาะลันตานั้นตั้งอยู่ที่ จังหวัดกระบี่ การเดินทางก็ขับรถไปเลยครับจากภูเก็ตประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า ข้อดีของที่นี่คือสามารถนำรถขึ้นไปบนเกาะได้โดยการลงแพขนานยนต์ไปครับ

     เกาะลันตาเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดกระบี่ อำเภอเกาะลันตาประกอบด้วย เกาะลันตาใหญ่และเกาะลันตาน้อย ขั้นแรกเราต้องลงแพขนานยนต์จากท่าเรือหัวหินไปยังเกาะลันตาใหญ่ บนเกาะลันตาใหญ่เป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอ ยังคงสภาพความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้อีกทั้งบนเกาะยังคงมีชาวเลอาศัยอยู่ ซึ่งยังคงดำรงไว้ซึ้งประเพณีลอยเรือเพื่อสะเดาะเคราะห์และความเป็นสิริมงคล จากเกาะลันตาใหญ่เราก็ต้องลงแพขนานยนต์ต่อไปยังเกาะลันตาน้อยซึ่งเป็นสถานที่ที่ผมจะพาท่านผู้อ่านไปเที่ยวกันครับ
     เกาะลันตาน้อยมีความเจริญมากกว่าเกาะลันตาใหญ่ มีปั้มน้ำมัน, โรงแรม, โรงพยาบาล และมีความเป็นเมืองมากกว่า เมื่อมาถึงเกาะลันตาน้อยเราก็ขับรถเวียนหาที่พักบนเกาะราคาต่ำสุดก็ 800 บาท (หายากมาก) ส่วนใหญ่ก็จะราคา 1,000 ขึ้นไประหว่างหาที่พักเราก็ได้แวะกินอาหารเที่ยง ร้านอาหารที่นี่ก็หาได้ง่ายและมีเยอะมาก เรียงรายอยู่สองข้างทางมีให้เลือกกินได้อย่างเต็มที่ เรียกว่าไม่ต้องกลัวอดตาย 
     เมื่อมาถึงที่นี่จะสังเกตุเห็นแมงกระพรุนที่ทำมาจากฝาชีสีสันสวยงามดูแปลกตา ผมเดาว่าน่าจะเป็นสัญลักษณ์ของที่แห่งนี้ ร้านอาหารทุกร้านก็จะมีพื้นที่หน้าร้านที่เป็นชายหาดทอดยาวต่อกันไปกับร้านอาหารอื่น
แมงกระพรุนฝาชี
     หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จก็ได้ที่พักราคา 800 บาท (เหลือห้องสุดท้าย) มีแอร์ด้วยครับถือว่าโชคดี ถึงที่พักก็จัดแจงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ซึ่งอยู่บริเวณทิศใต้ของเกาะ 
     บริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตาเป็นแหล่งธรรมชาติที่สมบูรณ์มาก มีลักษณ์เป็นป่าผสมกับทะเลที่สวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถมาเดินป่าชมธรรมชาติ ซึ่งทางอุทยานก็ได้จัดเส้นทางเดินป่าเพื่อศึกษาธรรมชาติเอาไว้ให้ หรือจะลงเล่นน้ำทะเลก็ได้ในสถานที่เดี่ยวกัน และตรงนี้จะมีประภาคารซึ่งอยู่บนเนินเขาสูงเป็นสัญลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้ ซึ่งเรียกว่าถ้าใครมาเกาะลันตาแล้วไม่มาที่นี่แปลว่ายังมาไม่ถึง
     หาดบนเกาะลันตามีอยู่จำนวน 16-17 แห่งซึ่งเยอะมาก แต่ละหาดก็มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป และทุกหาดเราสามารถดูพระอาทิตย์ตกได้ แต่ถ้าจะให้สวยงามและขึ้นชื่อที่สุดก็คงต้องไปดูที่บริเวณประภาคารอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา พระอาทิตย์ที่นี่จะตกช้าที่สุดครับเพราะตัวเกาะอยู่เยื้องออกไปทางทิศตะวันตกมากว่า "แหลมพรหมเทพ" ที่จังหวัดภูเก็ตเสียอีก

หาดที่อุทยาน
     หลังจากชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติที่อุทยานเสร็จแล้วเราก็ขับรถย้อนกลับขึ้นมาทางด้านทิศเหนือเพื่อเที่ยวชมชายหาดขาว เม็ดทรายละเอียดมากอย่างกับเกลือผงอย่างไงอย่างนั้น สีของน้ำทะเลก็สวยเป็นสีครามสะท้อนกับแสงจากดวงอาทิตย์ ตัดกับสีขาวสะท้อนแสงของชายหาด ผมบอกได้คำเดียวว่าสุดยอดครับพี่น้อง บริเวณชายหาดก็มีเก้าอี้ชายหาดให้บริการนักท่องเที่ยวแบบไม่คิดราคากันอีกด้วย ซึ่งใครเดินจนเหนื่อยจะแวะนั่งพัก, ถ่ายรูป ก็ไม่มีใครว่าอะไร
เก้าอี้ชายหาดสำหรับบริการนักท่องเที่ยว


     หลังจากเดินเล่นบนชายหาดที่แสนจะเนียนนุ่มและอุ่น เราก็เดินทางไปดูพระอาทิตย์ตกดินกันที่เหนือสุดของเกาะที่หาด " คอกวาง" ที่หาดคอกวางแห่งนี้แม้จะไม่ใช่จุดที่ดีที่สุดสำหรับการชมพระอาทิตย์ตก แต่ก็ใกล้กับตลาดนัดซึ่งเป็นเหตุผลที่ผมมาที่นี่เพื่อจะได้หาอะไรกินได้ง่ายๆ หลังการชมพระอาทิตย์ตกเราก็เดินเที่ยวตลาดนัด ซึ่งตลาดนัดที่นี่ก็เหมือนกับตลาดนัดทั่วไปนั่นแหละครับ แต่สิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นก็คืออาหารชนิดหนึ่งซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากโซนอเมริกาใต้ ก็คือ "กะบับ" หลายคนอาจเคยรู้จัก แต่สำหรับผมมันคือของแปลกที่ไม่เคยเห็น "กะบับ" เป็นแป้งแผ่นบางๆนำมาย่างไฟพอสุก ด้านในก็จะมีเนื้อสัตว์ (หมู ไก่ แกะ) แล้วแต่ผู้ผลิต มีผักกาดหอม, หอมหัวใหญ่ซอย, มะเขือเทศหั่นแว่น, แตงกว่าหั่นแว่น ราดด้วยซอสก็แล้วแต่คนกินจะเลือกมีทั้ง ซอสมะเขือเทศ, ซอสพริก, มัสตาร์ด, มายองเนส ชิ้นหนึ่งมีขนาดใหญ่มากกินไปแค่ 1 ชิ้นอิ่มเลย ในตลาดก็จะมีร้านอาหารซีฟู๊ด สด สด ให้เลือกมากมายมีคุณภาพทั้งนั้น หรือจะเป็นอาหารฝรั่งแบบ International ก็มีให้เลือก 
     หลังจากท้องอิ่มสิ่งสุดท้ายที่ดูเหมือนจะขาดไม่ได้หลังจากมื้ออาหารก็คือ แอลกอฮอล์และเสียงเพลง เรากลับมายังที่พักซึ่งมีบาร์เล็กๆให้บริการ ผมก็จัดสูตรเดิมคือเผาหัวด้วย B-52 Cocktail ตามด้วยเบียร์เย็นๆ ที่นี่บาร์ทุกร้านจะมีเบาะนุ่มๆวางเรียงรายหน้าหาดบริการนักท่องเที่ยว ให้ได้จิบเบียร์นอนดูดาวฟังเสียงคลื่น คลอด้วยเสียงเพลงสไตล์แร็กเก้ ช่างมีความสุขจริงๆ
     พอเช้าเราก็เดินทางกลับภูเก็ตด้วยความชุ่มฉ่ำหัวใจกับความสวยงามของธรรมชาติ และบรรยากาศที่ไม่มีที่ไหนเหมือน โดยหวังเอาไว้ว่าจะต้องกลับมาอีกอย่างแน่นอน เพราะเสี้ยวหนึ่งของหัวใจได้ถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่แล้ว >>>>> ตอนต่อไปผมจะพาเพื่อนไปเที่ยวไหนนั้น ต้องรอติดตามนะครับ

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS